เมนู
หมวดหมู่

เยลลี่มะม่วง Khanom Thai เคี้ยวอร่อยหนึบ ของฝากจังหวัดกรุงเทพมหานคร

เยลลี่มะม่วง เบื่อกันบ้างหรือไม่ที่กินผลไม้มะม่วงแบบธรรมดา ลองหันมากินอะไรแบบใหม่ ๆ แตกต่าง ทางเรา foodpaying  ขอแนะนำเยลลี่มะม่วงของเจ้าKhanom Thai เยลลี่มะม่วงน้ำดอกไม้สุก หวาน อม เปรี้ยว เคี้ยวหนึบ หอม อร่อย ได้รสมะม่วงแท้ ไม่มีส่วนผลมของไขมันสัตว์ อร่อยทานเล่นกับอะไรก็ได้

เยลลี่มะม่วง

เยลลี่มะม่วง คืออะไร

เยลลี่มะม่วงเป็นการนำเอาน้ำมะม่วงสุกมาเป็นวัตถุหลักแล้วผสมด้วยเจลาติน อาจจะปรุงรสด้วยน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อให้รสชาติออกมาหวานละมุนมากขึ้น หรือบางยี่ห้อก็อาจใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างพวกน้ำตาลหญ้าหวานหรือน้ำตาลหล่อฮังก๊วยเพื่อทำเป็นอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพก็ได้เช่นกันค่ะ

ส่วนในเรื่องของเนื้อสัมผัสที่ได้ก็จะออกหนึบหนับ มีรสที่หวานจับใจและกลิ่นที่หอมน่ารับประทาน ซึ่งเยลลี่มะม่วงนี้เราก็ไม่ต้องเสียเวลาไปทำเองให้ลำบากยุ่งยากนะคะ เพราะตอนนี้เค้าก็มีการวางขายกันตามช่องทางออนไลน์แล้วละคะ ซึ่งในวันนี้เราก็ได้เลือกเยลลี่ที่อร่อยเด็ดของKhanom Thai ให้รสชาติมะม่วงแท้ ๆ ไว้ทานเล่นในยามว่างมาฝากกันค่ะ รวมถึงวันนี้เราก็ยังมีวิธีการเลือกซื้อเยลลี่มะม่วงมาฝากกันอีกด้วยค่ะ

เยลลี่มะม่วง

มะม่วงเป็นผลไม้อย่างไร

มะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นมะม่วงที่นิยมรับประทานสุก ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เนื่องจาก ผลสุกมีสีเหลืองทอง สวยงาม เนื้อมีสีเหลืองอมครีม เนื้อแน่นปานกลาง มีความนุ่ม และรสหวาน นิยมรับประทานเป็นผลไม้สุกหรือใช้ทำขนมหวาน อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง ไอศกรีม และแยม เป็นต้น

ประโยชน์มะม่วงน้ำดอกไม้

ประโยชน์แรก มะม่วงน้ำดอกไม้ ผลสุกมีสีเหลืองนวลหรือเหลืองทอง เนื้อผลมีสีครีม มีรสหวาน และมีกลิ่นหอม นิยมรับประทานเป็นผลไม้สุก นอกจากนั้น ผลดิบยังใช้รับประทานเป็นผลไม้เปรี้ยว แก้ร้อนแดด

ประโยชน์อย่างที่สอง มะม่วงน้ำดอกไม้ นิยมใช้ทำขนมหวาน โดยเฉพาะข้าวเหนียวมะม่วง

ประโยชน์อย่างที่สาม มะม่วงน้ำดอกไม้ดิบ แปรรูปเป็นมะม่วงดอง เนื่องจากมีรสเปรี้ยวสูง ส่วนผลสุกแปรรูปเป็นมะม่วงกวนหรือ มะม่วงในน้ำเชื่อม และแยมมะม่วง เป็นต้น

ประโยชน์อย่างที่ห้า ก้านยอดอ่อน และยอดอ่อนมีรสเปรี้ยว ใช้รับประทานเป็นผักคู่กับอาหารอื่น อาทิ ลาบ ซุปหน่อไม้ เป็นต้น

ประโยชน์อย่างที่หก เปลือกลำต้นใช้ต้มย้อมผ้า ให้ผ้าสีน้ำตาล

ประโยชน์อย่างที่เจ็ด เนื้อไม้จากต้นขนาดใหญ่ แปรรูปเป็นไม้สำหรับก่อสร้างบ้าน อาทิ ไม้ปูพื้น ปูฝ้า หรือแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ต่างๆ

เยลลี่มะม่วง

ควรเลือกซื้อเยลลี่มะม่วงอย่างไร

อย่าแรก ปริมาณน้ำตาล บทบาทของน้ำตาลในเยลลี่นั้นก็เพื่อให้ความหวาน เพื่อช่วยถนอมอาหาร และยังช่วยให้เนื้อเยลลี่ข้นขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน น้ำตาลที่ถูกเติมลงไปในปริมาณที่มากเกินไปในอาจไม่ดีต่อสุขภาพได้ค่ะ

เยลลี่ที่ทำจากผลไม้โดยเฉพาะมะม่วงสุกนั้นมีน้ำตาลที่มาจากตามธรรมชาติในปริมาณที่มากอยู่แล้ว หากมีการเติมน้ำตาลลงไปอีกก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณน้ำตาลให้สูงขึ้น ดังนั้นเราจึงอยากจะแนะนำให้คุณมองหาเยลลี่มะม่วงที่มีส่วนผสมของน้ำตาลแค่เพียงเล็กน้อย หรือถ้าหากเป็นไปได้เยลลี่ที่มีปริมาณน้ำตาล 0% หรือเรียกได้ว่าปราศจากน้ำตาลเลยก็จะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ที่สุดค่ะ

อย่างที่สอง ใช้เจลลาตินหรือเพกทินในการเซตตัว ทั้งเจลลาตินและเพกทินเป็นสารที่ใช้ในการทำเยลลี่ มีส่วนทำให้ของเหลวกลายเป็นเจลกึ่งแข็ง ช่วยทำให้ของเหลวเซตตัวกลายเป็นเนื้อเยลลี่ ถึงแม้ว่าทั้งสองอย่างจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน แต่ทั้งสองก็มาจากแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกันค่ะ

เจลลาติน ถือเป็นสารที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งผลิตมาจากโปรตีนจากสัตว์ที่มีอยู่ในเนื้อ กระดูก และหนังสัตว์ จึงไม่เหมาะกับคนที่ทานอาหารเจ และ มังสวิรัติ หรือวีแกนค่ะ หากจะเลือกทานอาหารที่มีส่วนผสมของเจลลาตินก็จะต้องมาจากเจลลาตินจากสาหร่ายเท่านั้นค่ะ

เพกทิน จะเหมาะสำหรับผู้บริโภคทุกประเภทค่ะ โดยเฉพาะกลุ่มของผู้บริโภคที่ไม่ทานอาหารที่มีส่วมผสมที่มาจากสัตว์ เนื่องจากเพกตินนั้นเป็นสารคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากพืชซึ่งมักจะมาจากผลไม้เสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะแอปเปิล พลัม องุ่น และผลไม้รสเปรี้ยว เช่น เกรปฟรุต ส้ม และมะนาวเป็นแหล่งผลิตที่ดีที่สุดของเพกติน

สรุปง่าย ๆ ให้เข้าใจง่าย ๆ เลยก็คือว่าใครที่ทานเจ วีแกน หรือทานมังสวิรัติควรเลือกเยลลี่ที่มีส่วนผสมของเพกทินเป็นหลัก และเพื่อทำให้มั่นใจมากขึ้น เราขอแนะนำให้ตรวจสอบกับทางร้านก่อนการสั่งซื้อทุกครั้งนะคะ

อย่างที่สาม ส่วนผสมอื่น ๆ การตรวจสอบส่วนผสมต่าง ๆ เองก็สำคัญเช่นกันค่ะ เยลลี่มะม่วงที่มีส่วนผสมของน้ำมะม่วงเข้มข้นในปริมาณที่สูงมาก ๆ จะให้ทั้งรสชาติ กลิ่น รวมไปถึงสีที่เป็นธรรมชาติจนคุณสามารถสัมผัสได้ เนื้อสัมผัสจะเน้นไปด้วยน้ำมะม่วงที่เข้มข้น เหนียวหนึบหนับ มีความหวานหอมแต่ไม่เลี่ยน

แต่สำหรับบางยี่ห้อที่มีปริมาณน้ำมะม่วงไม่มากนักก็อาจจะเป็นไปได้ว่าอาจมีส่วนผสมของน้ำตาลและสารปนเปื้อนในอาหารอย่างสารแต่งกลิ่นและสีด้วยก็เป็นได้ เนื่องจากความเข้มข้นน้อยทำให้ผู้ผลิตต้องใส่สารพวกนี้ลงไปเพื่อนรสชาติที่หวานฉ่ำ สีสันที่ดูสวยงามน่ารับประทาน และกลิ่นที่หอมราวกับมะม่วงจริง ๆ นั่นเองค่ะ

เยลลี่มะม่วง Khanom Thai ความเป็นมา

ในการเปิดกิจการเมื่อปี พ.ศ. 2531 ก่อตั้งโดย พรหมพร ได้รับสูตรขนมมาจากคุณแม่เจ็ง ผู้เป็น มารดา ซึ่งได้รับการสืบทอดอีกทีมาจากทวดน้อย วนากุล เดิมทีฉัน และ คุณแม่เจ็ง ได้ทำงานอยู่ในร้านขนมไทยของทวดน้อย วนากุล แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวฉันจึงได้พาคุณแม่เจ็ง และครอบครัว ออกมาเปิดร้านเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อร้านว่าเเซนดี้ตั้งอยู่ริมถนนเทอดไท ตลาดพลู ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อชื่อดัง

ในช่วงเริ่มต้นเปิดกิจการ ทางร้านมีขนมขายกว่า 20 ชนิด ซึ่งเน้นที่ความสดใหม่ เป็นจุดดึงดูดลูกค้า  โดยมีขนมชั้นใบเตย ที่มีกลิ่นหอมของควันเทียน และความนุ่มที่ละมุนลิ้น เป็นขนมขายดีอันดับ 1 ทำให้ลูกค้าทุกเพศ ทุกวัยติดใจในรสชาติจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาได้มีการเพิ่มชนิดของขนม และพัฒนาขนมให้มีความอร่อย ถูกสุขลักษณะอนามัยยิ่งขึ้น

โดยปัจจุบันขนมชั้นมี 4 สี 4 รส ได้แก่ สีเขียว ทำมาจากใบเตย, สีแดง ทำมาจากน้ำหวาน, สีกาแฟ ทำมาจากกาแฟรสเข้มหอมมัน, สีฟ้า ทำมาจากดอกอัญชัญ นอกจากนี้ยังมีขนมขึ้นชื่ออีกมากมาย อาทิเช่น ทองหยอด ฝอยทอง หม้อแกง  สังขยา บ้าบิ่น ขนมเหนียว ถั่วแปบ เป็นต้น

เยลลี่มะม่วง Khanom Thai ดีอย่างไร

Khanom Thai เยลลี่มะม่วงน้ำดอกไม้เคี้ยวหนึบ หอมหวาน อร่อย ได้รสชาติของมะม่วงแท้ ๆ กลิ่นหอมหวานมาจากธรรมชาติไม่มีการแต่งกลิ่นสังเคราะห์เพิ่มเติม แถมตัวนี้ก็ยังเหมาะสำหรับผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติด้วยเช่นกัน เนื่องจากไม่มีการใช้เจลลาตินที่มาจากสัตว์แต่จะเปลี่ยนมาใช้เพกทินจากพืชแทนนั่นเองค่ะ

ในเรื่องของรสชาติก็ไม่ได้หวานเลี่ยนเสียทีเดียว จะเป็นการมิกซ์ระหว่างความหวานและเปรี้ยวให้รสชาติที่หวานนำเปรี้ยวตามเล็กน้อยลงตัวพอดี เนื้อสัมผัสที่ได้ก็จะนุ่มเหนียวแต่จะไม่แข็งกระด้าง และที่สำคัญคือทานง่ายเคี้ยวเพลินไม่เหนียวติดฟันด้วยค่ะ ใครที่เป็นสายชอบกินมะม่วงน้ำดอกไม้แล้วอยากลองกินอะไรใหม่ ๆ ก็อย่าพลาดเยลลี่มะม่วงของร้านนี้นะ